ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการพัฒนาไปตามธรรมชาติ
(Natural Unfoldment)
เเม่นำ(2551)ได้กล่าวไว้ว่านักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า ธรรมชาติคือแหล่งเรียนรู้สำคัญ เด็กควรจะได้เรียนรู้ไปตามธรรมชาติ การใช้ของจริงเป็นสื่อในการสอนจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดี การเล่นเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญของเด็ก เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ เด็กมีสภาวะของเด็ก ซึ่งแตกต่างไปจากวัยอื่น การจัดการศึกษาให้เด็กจึงควรพิจารณาระดับอายุเป็นหลัก การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้แก่เด็กจะต้องมีความแตกต่างไปจากการจัดให้ผู้ใหญ่ และยึดเด็กเป็นศูนย์กลางให้เสรีภาพแก่เด็กได้เรียนรู้ตามความต้องการและความสนใจของตน ให้เด็กได้เรียนรู้ตามธรรมชาติและเป็นไปตามธรรมชาติ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและความพร้อมของเด็ก
สุริน ชุมสาย ณ
อยุธยา(2553) ได้กล่าวถึงทฤษฎีนี้ไว้ว่า
นักคิดคนสำคัญในกลุ่มนี้คือรุสโซ (Rousseau) ฟรอเบล (Froebel) และเพสตาลอสซี (Pestalozzi) นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อดังนี้
ความเชื่อเกี่ยวกับการเรียนรู้
1.มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความดีและการกระทำใด ๆ
เกิดขึ้นจากแรงกระตุ้นภายในตัวมนุษย์เอง (good - active)
2.ธรรมชาติของมนุษย์มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
หากได้รับเสรีภาพในการเรียนรู้ มนุษย์ก็จะสามารถพัฒนาตนเองไปตามธรรมชาติ
3.รุสโซมีความเชื่อว่าเด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก ๆ เด็กมีสภาวะของเด็ก
ซึ่งแตกต่างไปจากวัยอื่น การจัดการศึกษาให้เด็กจึงควรพิจารณาระดับอายุเป็นหลัก
4.รุสโซเชื่อว่าธรรมชาติคือแหล่งความรู้สำคัญเด็กควรจะได้เรียนรู้ไปตามธรรมชาติ
คือการเรียนรู้จากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ จากผลของการกระทำของตน
มิใช่การเรียนจากหนังสือหรือจากคำพูดบรรยาย
5.เพสตาลอสซีมีความเชื่อว่า คนมีธรรมชาติปนกันใน 3 ลักษณะ คือ คนสัตว์ ซึ่งมีลักษณะเปิดเผย เป็นทาสของกิเลส คนสังคม
มีลักษณะที่จะเข้ากับสังคม คล้อยตามสังคม และคนธรรม
ซึ่งมีลักษณะของการรู้จักผิดชอบชั่วดี คนจะต้องมีการพัฒนาใน 3 ลักษณะ ดังกล่าว
6.เพสตาลอสซีเชื่อว่าการใช้ของจริงเป็นสื่อในการสอน
จะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดี
7.ฟรอเบลเชื่อว่าควรจะให้การศึกษาชั้นอนุบาลแก่เด็กเล็ก อายุ 3
– 5 ขวบ โดยให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง
8.ฟรอเบลเชื่อว่าการเล่นเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญของเด็ก
หลักการจัดการศึกษา/การสอน
1.การจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้แก่เด็กจะต้องมีความแตกต่างไปจากการจัดให้ผู้ใหญ่
เนื่องจากเด็กมีสภาวะที่ต่างไปจากวัยอื่น ๆ
2.การจัดการศึกษาให้แก่เด็กควรยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง
ให้เสรีภาพแก่เด็กที่จะเรียนรู้ตามความต้องการและความสนใจของตน
เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้อย่างอิสระ
3.ลักษณะการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับเด็ก คือการจัดให้เด็กได้เรียนรู้จากธรรมชาติและเป็นไปตามธรรมชาติ
ได้แก่
3.1 ให้เด็กได้เล่นอย่างอิสระ
3.2 ให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรง
3.3 ให้เด็กได้เรียนจากของจริงและประสบการณ์จริง
3.4 ให้เด็กได้เรียนรู้จากผลของการกระทำของตน
4.การจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้เด็กจะต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและความพร้อมของเด็ก
เลิศชาย ปานมุข(2558) ได้กล่าวถึงทฤษฎีนี้ไว้ว่า นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า ธรรมชาติคือแหล่งเรียนรู้สำคัญ เด็กควรจะได้เรียนรู้ไปตามธรรมชาติ การใช้ของจริงเป็นสื่อในการสอนจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดี การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้แก่เด็กจะต้องมีความแตกต่างไปจากการจัดให้ผู้ใหญ่ และยึดเด็กเป็นศูนย์กลางให้เสรีภาพแก่เด็กได้เรียนรู้ตามความต้องการและความสนใจของตน
สรุป ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการพัฒนาไปตามธรรมชาติ
(Natural Unfoldment) คือ
ทฤษฎีของกลุ่มนักคิดที่เชื่อว่า แหล่งเรียนรู้ที่สำคัญคือธรรมชาติ
การใช้ของจริงเป็นสื่อการสอนจะช่วยให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้ดี
จึงควรให้เด็กได้เรียนรู้ไปตามธรรมชาติ
โดยการจัดการเรียนรู้ควรยึดเด็กเป็นศูนย์กลางและให้เสรีภาพแก่เด็กในการเรียนรู้
แต่ต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและความพร้อมของเด็กด้วย
ที่มา
:
แม่นำ.
(2551). http://oknation.nationtv.tv/blog/print.php?id=294321 .
[ออนไลน์] เข้าถึง
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2561.
เลิศชาย
ปานมุข. (2558). http://www.lertchaimaster.com/forum/index.php?topic=36.0 .
[ออนไลน์]
เข้าถึงเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2561.
สุริน
ชุมสาย ณ อยุธยา.
(2553). http://surinx.blogspot.com/ .[ออนไลน์] เข้าถึงเมื่อ
วันที่ 6 กรกฎาคม 2561.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น